วิธีกิน ยาคุมรักษาสิว ที่คุณควรรู้ สาวๆหลายคนอาจจะพอทราบถึงวิธีการรักษาสิวด้วยการใช้ยาคุมกำเนิด เพราะได้ยินมาจากหลายๆคนว่าใช้แล้วเห็นผลดี ผิวพรรณสดใส หน้ามันลดลง ไร้สิวกวนใจ และที่สำคัญราคายังไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับการเสียเงินไปรักษาสิวตามคลินิกเสริมความงามหรือโรงพยาบาล
ซึ่งยาคุมในท้องตลาดราคาต่อแผงจะอยู่ที่ประมาณ 80-600 บาทขึ้นอยู่กับยี่ห้อและประเภทของยาคุม ในขณะที่การเข้ารักษาสิวในคลินิกจะเริ่มที่ราวๆ 300 บาท ไปจนถึงกระทั่งหลักหมื่นหรือแสนเลยก็มี แต่การกินยาคุมรักษาสิวก็ต้องใช้ความระมัดระวังในการกินด้วยเช่นกัน
เพราะขึ้นชื่อว่ายาแล้วย่อมเกิดผลข้างเคียงตามมาอย่างแน่นอน หากใช้ไม่ถูกวิธีเพราะนอกจากจะต้องเสียเงินแล้ว อาจจะได้หน้าพังกว่าเดิมเป็นของแถมกลับมาด้วยก็ได้ ยาคุมรักษาสิว
– ฮอร์โมน Estrogen จะเป็นฮอร์โมนที่ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเรียบเนียนสวย ผิวหน้าเกิดความมันลดลง และต่อมไขมันไม่ทำงานมากจนเกินไป หากสาวคนไหนที่มีฮอร์โมนเพศหญิงเยอะ ผิวก็จะสวย มีน้ำมีนวล แลดูสดใส หน้าอกผาย แถมรูขุมขนเนียนเรียบอีกด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีแต่ข้อดีเท่านั้น
เพราะผลข้างเคียงของเจ้าฮอร์โมนนี้ก็คือ การรับประทานเสริมปริมาณมากเกินไปก็อาจก่อให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งในระบบสืบพันธุ์ และสุดท้ายก็ทำให้ผิวหน้าเกิดฝ้าได้ง่าย
– ฮอร์โมน Progesterone คือฮอร์โมนที่จะช่วยให้สาวๆเป็นคุณแม่ ซึ่งก็คือการทำให้ผนังมดลูกเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่นั่นเอง และช่วยสร้างน้ำนมให้กับว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หากมีปริมาณสูงจะช่วยลดการเกิดซีสต์ในรังไข่ แต่ก็มีผลข้งเคียงเหมือนกัน เพราะจะทำให้เกิดการบวมน้ำ จึงทำให้สาวๆบางคนเมื่อกินยาคุมรักษาสิวจะรู้สึกว่าตัวเองอ้วนขึ้นนั่นเอง
ข้อแรกที่สำคัญก่อนจะเริ่มกินยาคุมรักษาสิวคือการเข้าไปปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมแค่กินยาคุมถึงต้องปรึกษาแพทย์ด้วย แค่ซื้อมากินตามเอกสารกำกับยาก็น่าจะเพียงพอแล้ว!! แต่ที่ต้องพบแพทย์ก่อนก็เพราะ
• สิวที่เกิดขึ้นมาบนใบหน้าหรือตามร่างกายนั้น ไม่แน่นอนว่าเกิดจากกาฮอร์โมนเสมอไป บางครั้งอาจมีต้นตอมาจากสาเหตุอื่นๆ เช่น สิ่งสกปรก ฝุ่นละออง หรือแพ้สารเคมีบางชนิด ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ การรักษาด้วยการกินยาคุมกำเนิดอาจจะไม่ทางเลือกที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก การพบแพทย์จึงมีสำคัญในเรื่องของการตรวจเช็คก่อนว่าสิวที่ขึ้นอยู่เกิดจากสาเหตุใด เพื่อที่จะได้ค้นหาแนวทางรักษาให้ถูกต้องต่อไป
ยาคุมกำเนิดมีให้เลือกกินทั้งแบบ 28 เม็ด และ 21 เม็ด ซึ่งการกินจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อย คนส่วนใหญ่เลือกที่จะกินแบบ 28 เม็ดเสียมากกว่าแบบ 21 เม็ด เพราะไม่ต้องสับสนเรื่องของการนับวัน โดยแบบ 28 เม็ด จะมีส่วนผสมของฮอร์โมนเท่ากันอยู่ 21 เม็ด ส่วนอีก 7เม็ดจะเป็นวิตามินอื่นๆ
อย่างไรก็ตามส่วนสำคัญในการกินยาคุมรักษาสิวก็คือ สาวๆห้ามลืมกินยาคุมโดยเด็ดขาด ควรศึกษารายละเอียดการกินยาคุมให้ถูกวิธี เช่น พยายามกินยาคุมให้ตรงเวลาเดิมทุกวัน วันละ 1 เม็ดด้วยการนับวันตามลูกศรที่อยู่บนแผง กรณีที่ลืมกินยาคุมไป 1 วัน เมื่อนึกขึ้นได้ให้กินทันที หรือหากลืมกินหลายวันก็ให้ศึกษาตามแผ่นพับข้อแนะนำว่าควรทำอย่างไร เพราะถึงแม้จะเป็นการกินยาคุมเพื่อรักษาสิวก็ต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดเหมือนกับการกินเพื่อคุมกำเนิดคะ
จากการวิจัยพบว่าการใช้วิธีกินยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวมเพื่อรักษาสิวนั้น ผู้ป่วยมีจำนวนสิวลดลง แถมยาคุมยังช่วยลดการเกิดสิวใหม่ รวมทั้งลดความรุนแรงและการอักเสบของสิวด้วย แต่การกินยาคุมอาจจะต้องใช้เวลาเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ถึงจะเห็นผลลัพธ์สาเหตุจากที่ร่างกายต้องใช้เวลาในการปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศให้เข้าสู่ภาวะปกติ
• ยังไม่เข้าสู่วัยมีประจำเดือน หรือวัยเจริญพันธุ์
• อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ ต้องการตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมลูก
• ผู้ที่สูบบุหรี่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
• มีภาวะน้ำหนักตัวมากหรือเป็นโรคอ้วน
• มีปัญหาด้านการแข็งตัวของหลอดเลือดผิดปกติ
• เคยมีประวัติภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ขาหรือปอด
• มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจหรือโรคความดันโลหิตสูง
• มีประวัติป่วยเป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม
• มีอาการป่วยไมเกรน โรคเบาหวาน โรคตับ ความดันโลหิตสูง โรคเลือด หรือโรคหัวใจ
ฉะนั้นสาวๆที่อยากจะมีผิวใส หน้าสวย ไร้สิว อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจเลือกวิธีรักษาสิวด้วยการกินยาคุมตามคำพูดของคนโน้น คนนี้ว่าดี รักษาสิวให้หายเกลี้ยง แนะนำว่าควรที่จะพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธีจะดีกว่า เพราะนอกจากจะได้ใบหน้าที่สวยงามเป๊ะแล้ว ยังปลอดภัยอีกด้วยคะ อย่าลืมกันนะว่า ใบหน้าจะต้องอยู่กับเราไปตลอดชีวิตเลยล่ะคะ