สิวหินเกิดจากอะไร ? พร้อมวิธีกำจัดแบบไม่ต้องพึ่งเลเซอร์ 

สิวหินเกิดจากอะไร ? สิวหินสามารถแก้ได้ด้วยปูนแดงง่ายๆ ลบสิวหินไม่ต้องพึ่งเลเซอร์ ที่ใครๆก็ทำได้ สาวๆเคยสังเกตใบหน้าตอนส่องกระจกแล้วพบว่ามีตุ่มเม็ดสีขาวๆเหลืองๆที่ฝั่งอยู่บริเวณใต้ตาหรือเปลือกตากันบ้างหรือเปล่าคะ ทราบหรือไม่ว่ามันคืออะไร??

ซึ่งมันก็คือสิวหินหรือสิวข้าวสารที่เกิดขึ้นบนใบหน้าใครแล้วใช่ว่าจะทำให้หายไปได้ง่ายๆ หรือบางทีหายไปแล้วแต่อีกไม่นานก็กลับมาเป็นอีกเรื่อยๆจนรู้สึกหนักอกหนักใจไม่ใช่น้อย ฉะนั้นก่อนที่เราจะแนะนำวิธีเด็ดๆรักษาสิวหินแบบง่ายๆเรามาทำความรู้จักเจ้าสิวหินกันดีกว่าคะ 

สิวหินเกิดจากอะไร ? เป็นสิวที่ไม่ก่อให้เกิดอาการอักเสบและเจ็บปวดให้กับผู้เป็นสิวแต่อย่างใด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สร้างปัญหา โดยสิวชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นตุ่มนูนเม็ดเล็กสีขาวขุ่นหรือสีเหลืองมักเกิดขึ้นที่บริเวณถุงใต้ตา ถึงอยากจะบีบก็บีบไม่ได้เพราะผิวหนังตรงส่วนนี้ค่อนข้างบอบบางมาก

บางคนก็เรียกเจ้าสิวชนิดนี้ว่าสิวหินเพราะขั้นตอนการสลายสิวประเภทนี้จะต้องใช้เวลานานถึง 10-15 ปี หากรอให้มันสลายไปเองตามธรรมชาติ

สาเหตุของการเกิดสิวไม่ได้มาจากการสะสมของแบคทีเรียเพียงอย่างเดียวแต่เกิดจากการสะสมของเซลล์ผิวเก่าที่หมดสภาพและไม่สามารถหลุดออกไปได้เองตามธรรมชาติติดค้างที่ผิวหน้าเมื่อเวลาผ่านไปนานๆเข้าก็เกิดการทับถมพร้อมกับสะสมรวมตัวกับไขมันในต่อมไขมันใต้ผิวหนัง

นอกจากนั้นการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบไม่มีคุณภาพ การขัดถูหน้าแรงๆหรืออยู่ที่โล่งๆตากแดดเป็นเวลานานและบ่อยครั้ง ทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ

ฉะนั้นถ้าพบว่ามีสิวหินเกิดขึ้นก็ลองสังเกตดูพฤติกรรมว่าเป็นคนชอบเช็ดหน้าแรงๆหรือเปล่า ถ้าพบว่าใช่ก็ควรรีบเปลี่ยนแปลง เช็ดหน้าให้เบามือลง เพราะการที่ทำรุนแรงบนใบหน้าจะทำให้สุขภาพผิวหน้าไม่ดี อาจเกิดสิว ผื่น ระคายเคืองตามมา เมื่อคุณรู้สาเหตุว่าสิวเกิดจากอะไร เราก็มากันดีกว่าจะรักษา สิวหินมีอะไรบ้าง มาลองดูกันคะ

– สิวหิน รักษา กดสิวหินด้วยเข็ม วิธีนี้จะค่อนข้างเสี่ยงถ้าทำด้วยตนเองโดยเฉพาะตำแหน่งของสิวหินที่อยู่ถุงใต้ตาแนะนำว่าควรใช้บริการจากคลินิกเสริมความงามน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะการใช้วิธีกดสิวด้วยเข็มก็คือนำเข็มไปจิ้มหรือเขี่ยตรงสิวแล้วกดออก อาจดูเหมือนว่าง่ายแต่ในเวลาทำจริงๆจะลำบากพอสมควร

– การใช้เครื่องสำอาง พร้อมทั้งตรวจสอบดูว่าส่วนประกอบของเครื่องสำอางที่ใช้อยู่บ่อยๆ หากพบว่าเครื่องสำอางชนิดใดมีส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดสารเคมีตกค้างบนผิวหน้า ให้งดการใช้และลองหันไปใช้เครื่องสำอางยี่ห้ออื่นที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติทดแทน

– การกำจัดสิวหินด้วยปูนแดง เป็นวิธีการแก้ปัญหาสิวในแบบฉบับพื้นบ้าน ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เพียงแค่คุณเตรียมปูนแดงแบบที่คนแก่นำมากินกับหมากนั่นเอง สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป

• นำปูนแดงมาผสมกับน้ำเพียงเล็กน้อยพอให้มีลักษณะออกข้นๆ (บางสูตรก็ใช้วิธีเอาสบู่ที่ขูดเอาแต่เนื้อสบู่ออกมาผสมกับปูนแดงก็ทำได้เช่นกัน)
• เมื่อผสมเข้ากันแล้ว ก็นำมาแต้มตรงหัวสิวประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน (อาจจะแต้มเช้า เย็น ก่อนนอน เป็นต้น) แต้มทิ้งเอาไว้ โดยไม่ต้องทำอะไรกับมันอีกสิวก็จะแห้งและหลุดออกไปเองตามธรรมชาติ
• แต้มหัวสิวแบบนี้ไปอีก 1-2 วัน สิวจะเริ่มยุบ บางครั้งอาจจะเกิดรอยเล็กๆแดงๆ อย่าเพิ่งตกใจ ต้องปล่อยให้รอยแผลแห้งและตกสะเก็ดแผลก็จะเริ่มหลุดออกเอง จำไว้ว่าห้ามแกะ หรือ ห้ามเกาเป็นอันขาดหากไม่อยากให้เกิดแผลเป็น

สิวหินเกิดจากอะไร ? และข้อควรระวังของการใช้ปูนแดง

• ควรแต้มลงไปเฉพาะบริเวณหัวสิวเท่านั้น เพราะปูนแดงมีฤทธิ์ที่อาจจะกัดผิวตรงส่วนอื่นให้เกิดแผลขึ้นได้
• ถ้ารู้สึกว่าเกิดอาการอักเสบก็ให้แต้มทีละน้อยๆหรือแต้มบางๆไปบนหัวสิว
• ไม่แนะนำให้ทาปูนแดงไปทั่วใบหน้า หรือทาวนรอบๆหัวสิว แต่ควรใช้เป็นวิธีแต้มเป็นจุดๆลงไป และเน้นตรวหัวสิวแทน
• ไม่ควรแต้มปูนแดงลงไปในบริเวณที่อยู่ใกล้รอบดวงตาเกินไป เพราะอาจเกิดอันตรายกับดวงตาก็ได้
• เพื่อป้องกันอาการแพ้ให้ลองแต้มสิวลงไปสักจุดหนึ่งก่อนจะได้ทดสอบว่าผิวของเราแพ้หรือไม่ อีกทั้งจะได้ดูว่าได้ผลมากน้อยแค่ไหน เมื่อได้ผลจึงค่อยแต้มไปตรงจุดอื่นๆที่มีสิวหิน

ในการใช้ปูนแดงแต้มสิวช่วงวันแรกๆจะเกิดรอยแดงขึ้นนิดหน่อยแต่พอวันต่อมาก็จะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะมองไม่เห็นรอยพร้อมกับเม็ดสิวก็จะหลุดออกไปด้วย ที่สำคัญสุดๆคืออย่าไปพยายามแคะ แกะ เกา ตรงที่เราแต้มสิวลงไปเด็ดขาดไม่เช่นนั้รอาจเกิดรอยแผลเป็น ใจเย็นๆปล่อยให้สิวยุบและลอกออกไปเองจะดีกว่า จึงกล่าวสรุปได้ว่าวิธีการกำจัดสิวหินด้วยปูนแดงนี้ทำได้ง่าย ประหยัด ลองไปทำตามดูก็ได้คะ

วิธีรักษา สิวหัวหนอง เล็กๆ ที่ดีที่สุด

วิธีรักษา สิวหัวหนอง ที่ดีที่สุด ลดสิวหัวหนองง่ายๆที่ใครๆก็ทำได้ สิ่งที่สาวๆหลายคนมักจะวิตกกังวลเป็นอย่างมากนั่นก็คือความสวยงามของใบหน้าที่ไม่อยากให้มีอะไรมากระทบทำให้ใบหน้าหมดความเรียบเนียนไป โดยเฉพาะการเกิดสิวอักเสบ, สิวหนอง ซึ่งจะทำให้ลดทอนความมั่นใจหรือทำให้พลาดโอกาสดีๆในชีวิตไปไม่น้อยเลยทีเดียว

สิวหนองก็คือสิวอักเสบที่บวมแดงและจะมีหนองอยู่ข้างในลักษณะเป็นรอยแดงช้ำ ซึ่งหากเกิดในผู้ชายก็จะทำให้มองเห็นได้ชัดกว่าเพราะไร้เมคอัพแบบผู้หญิง ในขณะที่สาวๆมีเครื่องสำอางไว้กลบเกลื่อนแต่กลับกลายเป็นต้นตอให้สิวเห่อหรือลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก 

สาเหตุของการเกิดสิวหัวหนอง

สาเหตุของการเกิดสิวหัวหนอง หรืวสิวอักเสบเกิดจากสิวทั่วไป เพียงแต่ว่าการอักเสบเกิดการติดเชื้อ จึงทำให้สิวธรรมดามีอาการบวมแดงและอักเสบเป็นหนองขึ้น โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประการ คือ

1. เกิดจากอาการคันไม้ คันมือ หรือรำคาญสิวที่กาะอยู่บนหน้าจึงชอบไปบีบ แคะ แกะ เกา ทั้งสิวชนิดที่มีหัวหรือไม่มีหัวก็ตาม ส่งผลให้หัวสิวแตกและมีการรั่วของคอมีโดน (Comedone) ก่อให้เกิดอาการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียในที่สุด
2. เกิดจากเชื้อแบคทีเรียประจำถิ่น โดยเจ้าเชื้อนี้มันจะใช้ไขมันบนผิวหน้าของเราเป็นอาหารและสามารถที่จะเจริญเติบโตได้เป็นอย่างดี หากเกิดมีการอุดตันของไขมันจะทำให้ผิวหนังอักเสบ จากนั้นจึงสร้างเอนไซม์ที่ปรับบเปลี่ยนไขมันให้กลายเป็นกรดไขมันอิสระซึ่งก่อให้เกิดอาการระคายเคือง

สำหรับประเภทของสิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้ถึง 5 ประเภทด้วยกัน ซึ่งการที่เรารู้จักประเภทของสิวหัวหนองจะทำให้เรารู้ถึงขั้นตอนการรักษาเพราะสิวแต่ละประเภทจะมีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป

5 ประเภทของสิวอักเสบ

1. สิวเสี้ยน (Trichostasis spinulosa) เกิดจากการอุดตันของกลุ่มขนอ่อน (Vellus hair) ที่อยู่ภายใต้รูขุมขน ซึ่งอาจจะพบได้หลายเส้นหรือเพียงเส้นเดียวก็ได้ ส่วนใหญ่จะพบได้บริเวณจมูก คาง และหลัง

2. สิวแบบตุ่มนูนแดง (Papule) คือการอักเสบแค่ส่วนบนของผิวหนังอย่างเดียว

3. สิวแบบหัวหนอง (Pustule) เกิดขึ้นได้ทั้งชนิดที่อยู่บนผิวหนังชั้นตื้นและอยู่ส่วนที่ลึกลงมา หากว่าเป็นหนองบนผิวหนังชั้นตื้นๆจะสามารถรักษาหายได้รวดเร็วกว่าสิวแบบตุ่มนูนแดง

4. สิวอักเสบและเป็นก้อนลึก (Nodule) คือสิวอักเสบอีกชนิดหนึ่งที่ฝังอยู่ลึกลงไปมีลักษณะเป็นก้อนบวม ใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนานแถมยังเกิดรอยแผลเป็นได้ง่าย

5. สิวชนิดที่เป็นก้อนขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง (Cyst) หรือที่มักเรียกกันว่าสิวหัวช้าง ซึ่งทำให้เกิดรอยแผลเป็นขนาดใหญ่

ส่วนขั้นตอนการรักษาสิวหัวหนองมีหลักการง่ายๆคือต้องเอาหัวหนองออกให้หมดก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยๆดูแลรักษาแผลจากสิวด้วยการทานยาปฎิชีวนะหรือยาทาภายนอก ซึ่งการรักษาสิวอักเสบเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับด้วยกัน

การรักษาสิวอักเสบ 3 ระดับ

1. สิวเป็นไต มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและแข็งเมื่อลองกดหรือสัมผัสจะรู้สึกเจ็บแต่ว่ายังไม่ถึงขั้นมีหัวหนองขึ้นมา ทำให้เวลาไปเผลอโดนเข้านั่นจะเจ็บมากและยังรู้สึกรำคาญหายได้ช้าอีกต่างหาก อีกทั้งยังมีรอยนูนแดงที่เห็นชัดเจน ส่วนขั้นตอนการรักษาคือให้แต้มยาทาสิวหรือสมุนไพรสำหรับทาเพื่อลดการอักเสบ สุดท้ายสิวก็จะค่อยๆยุบลงไปโดยไม่มีหัวหนอง
2. เริ่มมีหัวหนองและหัวสิวที่ยังไม่สุก วิธีการรักษาที่ดีที่สุดของระยะนี้คือการกระตุ้นให้หัวสิวสุกโดยเร็วที่สุด เพราะเราต้องเจาะเอาหนองออกให้หมดเสียก่อน และเพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นอีกด้วยส่วนการกระตุ้นก็แค่เพียงออกกำลังกายพยายามทำให้ร่างกายเกิดความร้อน จากนั้นใช้ครีมแต้มสิวทาบริเวณหัวสิวบ่อยๆแผลก็จะเริ่มตกสะเก็ดแล้วจึงเริ่มแต้มพวกครีมลดรอยแผลเป็นจากสิว แต่ทว่าอย่าลืมส่าการกดเอาหัวหนองออกจะต้องทำในช่วงสิวสุกเท่านั้นเพราะมิเช่นนั้นจะเกิดสิวหัวหนองซ้ำๆตรงจุดเดิม
3. สิวหนองสุกเต็มที่ระยะสุดท้าย เราสามารถที่จะเจาะเอาหัวหนองออกได้หมดในระยะนี้ซึ่งสิวจะหายไปเองโดยไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจจะทาครีมแต้มสิวและครีมลดรอยเพื่อให้เกิดรอยแผลเป็นในระยะยาว

วิธีป้องกันสิวอักเสบในเบื้องต้น ที่สาวๆควรรู้จะได้คอยระมัดระวังไม่ให้เกิดสิวหัวหนองขึ้นอีก

• ไม่ควรใช้มือสัมผัสใบหน้า ฉะนั้นต้องเลิกแคะ แกะ หรือเกาบนบริเวณใบหน้าเนื่องจากบนมือของเรามักจะมีสิ่งสกปรกและมีเชื้อแบคทีเรียที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ซึ่งหากบนใบหน้าของสาวๆมีหัวสิวอยู่จะอาจจะทำให้เชื้อเข้าสู่สิวและพัฒนาให้กลายเป็นหนองได้

• ยกเว้นการใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของ Olive oil และ Lanolin หรือส่วนประกอบต่างๆที่มีน้ำมัน โดยเฉพาะน้ำมันมะกอก ควรเลี่ยงการใช้เมื่อคุณเป็นสิวอักเสบ เพราะจะก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้

• ล้างหน้าให้สะอาด ทุกครั้งเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่ค้างและอุดตันในรูขุมขนออกให้หมด แต่ไม่ใช่เพียงแค่การล้างหน้าให้สะอาดเท่านั้น ต้องล้างด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะถึงจะช่วยขับพวกของเสียหรือน้ำมันที่ตกค้างบนผิวหน้าไม่ให้อุดตันจนกลายเป็นสิวในที่สุด

• ใช้มาร์กหน้าสมุนไพร เป็นการรักษาสิวอักเสบจากสมุนไพรธรรมชาติทั้งนี้ก็ควรที่จะเลือกสูตรมาร์กหน้าให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเองด้วยเช่นกัน

รักษาสิว ชิวๆ 7 วิธีง่ายๆ ทำได้ หาย 100 %

รักษาสิว ชิวๆ 7 วิธีง่ายๆ ทำได้ หาย 100 % สิวเรื่องเครียด ไม่ว่าจะเพศไหน วัยไหน เป็นสิวขึ้นมาเมื่อไหร่จะถูกดูดความมั่นใจให้หายไป 80 % เพราะฉะนั้น เราจะมายับยั้ง และรุกฆาต แก้ปัญหาสิวอย่างตรงจุด 7 วิธีรักษาสิว ชิวๆ ทำได้ หาย 100 % — รักษาสิว

1.ห้ามแกะ ห้ามบีบสิว

เป็นทีไรอยากเข้าไปแกะ ไปบีบ ไปเกา ซึ่งเราต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ไม่มีอะไรใหญ่กว่าการเอาชนะใจตัวเอง 555 ยิ่งแกะ ยิ่งบีบ มันก็ยิ่งอักเสบ เป็นแผลเป็น เป็นหลุมสิว ไม่ดีเลยสักอย่าง

เมื่อมันเกิดขึ้นมาได้ มันก็หายเองได้ หรือว่าใครอยากให้หายเร็วก็มีตัวยามากมายที่สามารถช่วยได้ หรือว่าอยากได้วิธีธรรมชาติเราก็มี แต่ทางที่ดีที่สุดคืออย่าไปแกะ อย่าไปบีบมัน

2. รักษาความสะอาด

อีกหนึ่งสาเหตุหลักของการเกิดสิว นอกจากไขมันอุดตัน และฮอร์โมนทางเพศแล้ว คือเรื่องของการรักษาความสะอาด เพราะว่าหลายคนไม่ค่อยใส่ใจในการล้างหน้าให้ถูกต้อง

เราอาจะใช้ครีม หรือโฟมล้างที่ไม่แพ้ หรือที่สูตรอ่อนโยนในการล้างหน้า เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดบริเวณใบหน้าได้ลึกยิ่งขึ้น เพราะการล้างหน้าคือจุดเริ่มต้นของการปกป้องให้ห่างไกลจากสิว และยังช่วยบำรุงผิวหนาได้อีกด้วย

3. โฟมล้างเฉพาะทาง

อย่างที่บอกไปแล้วว่าการล้างหน้าอย่างถูกต้องจะช่วยลดสิว และป้องกันสิวได้ หากเราจะให้บริเวณใบหน้าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ความเลือกโฟมให้ถูกกับสภาพผิว เช่นสำหรับผิวมัน ผิวแพ้ง่าย หรือผิวแห้ง และสำหรับคนที่มีสิวมาก ยังมีโฟมที่ช่วยลดสิวโดยเฉพาะทางอีกด้วย ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไป

4. ครีมแต้มสิว

ทีนี้เรามาดูวิธีการรักษาอย่างถูกต้องกันบ้าง เพราะไม่ว่าเราจะป้องกันขนาดไหน แต่สิวก็ยังสามารถเกิดได้เช่นกัน หากว่าเกิดสิวขึ้นมาแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือรักษา โดยทั่วไปตามท้องตลาดจะมีครีมแต้มสิวขาย

ซึ่งราคาไม่แพงและเห็นชัดเจนให้หนึ่งคืน ทำให้สิวแห้ง และหลุดออกได้ไว ไม่ทิ้งแผลเป็น ยาแต้มสิวจะมีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide และ Salicylic ซึ่งช่วยรักษาสิวโดยเฉพาะ แต่สำหรับวิธีการเลือกควรเลือกตามระดับความเข้มข้น และดูว่าผิวของเราแพ้ง่ายหรือไม่ อย่างไร

5. อบไอน้ำให้ผิวหน้า

ไม่ใช่มีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่ใช้การอบไอน้ำเพื่อคืนสภาพ แต่สำหรับผิวก็สามารถใช้ได้เช่นกัน แต่ว่าวิธีการจะต่างกันออกไป การอบไอน้ำผิวหน้า จะช่วยทำความสะอาดอย่างล้ำลึกให้ผิวถึงจุดลึกสุดของรูขุมขน ล้างเครื่องสำอางอย่างหมดจด และลดปัญหามีสิ่งสกปรกอุดตันตามรูขุมขน และยังช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น ยกกระชับผิว

6. ฉีดสิว

ใครที่อยากหายแบบไวที่สุด คงต้องใช้วิธีฉีดสิว โดยเราสามารถเข้ารับการรักษาได้ตามคลินิกเวชกรรมความงาม ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจเช็ค และอาจจะฉีดยาลดอาการอักเสบ และยับยั้งการทำงานของต่อมไขมัน รับรองว่าวีนี้จะหายไวอย่างแน่นอน

.

7.หน้าสดก็ดีต่อผิว

จะเห็นได้ชัดว่าในยุคนี้สาวๆ นิยมแต่งหน้ากันเยอะมาก และเครื่องสำอางถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักของการเกิดสิว แต่จะไม่ให้แต่งหน้าเลยก็คงไม่ได้ เพราะว่าบางคนไม่มั่นใจในหน้าสอของตัวเอง

เช่นนั้นแล้วหากจำเป็นจะต้องแต่งหน้าจริง ๆ ก็ไม่ควรแต่งจนหนักเกินไปนัก (โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าหน้าสด คือภาพลักษณ์ที่ดูดีที่สุด) และเมื่อมีการแต่งหน้าไม่ว่าจะมากน้อยก็ตาม เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมความทำความสะอาดอย่างถูกต้อง โดยใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับล้างเครื่องสำอาง และดูแลความสะอาดให้ดีที่สุด

7 อาหารที่ช่วยลดสิว อยากรู้ป่ะล่ะ ! กินอะไรช่วยลดสิวลงได้จริง

7อาหารที่ช่วยลดสิว อยากรู้ป่ะล่ะ ! กินอะไรช่วยลดสิวลงได้จริง ดูเหมือนว่าเรื่องสิวๆนี่จะไม่ค่อยสิวเท่าไหร่สำหรับหลายคน เพราะนอกจากจะทำให้หมดสวยหมดหล่อกันแล้ว ยังต้องยุ่งวุ่นวายอยู่กับการหาทางเยียวยารักษา หลายคนๆก็พยามยามดูแลป้องกันการเกิดสิว เช่น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะกับสภาพผิวอะไรต่าง แต่บางรายเหมือนจะป้องกันยังไงก็เกิดสิวขึ้นได้อยู่ดี เมื่อมีสิวเกิดขึ้นก็ต้องหาทางทำให้มันยุบลงโดยเร็ว โดยการใช้ยาหรือการไปพบแพทย์ผิวหนัง ซึ่งก็คงไม่พ้นการยาจากสารเคมีในการรักษาบรรเทาอาการที่เกิดจากสิว

แต่หนทางหนึ่งซึ่งเป็นวิธีตามธรรมชาติ ที่ฟังดูอาจจะไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ ก็คือการรับประทานอาหาร ใช่แล้ว! การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ช่วยในการรักษาสิวนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้สิวหาได้ในเร็ววัน ถ้าอยากรู้แล้วว่ามีอะไรที่ควรรับประทานบ้างสำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาสิว ก็รีบมาดูกันเลย 

1 . วิตามินจากผักและผลไม้

ในผักและผลไม้มีแร่ธาตุที่สำคัญอย่าง วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี และ สารเบต้าแคโรทีน ซึ่งมีคุณลักษณะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและเป็นอาหารที่มีคอลลาเจนสูง นอกจากจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายแล้ว ยังช่วยรักษาสิวได้ดีอีกด้วย และในผักสีเขียวยังมีคลอโรฟิลล์ที่ช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน และมีกากใยอาหารช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย

วิตามินเอ วิตามินซีและวิตามินอี มีคุณสมบติที่คล้ายกันในการช่วยลบเลือนริ้วรอยจุดด่างจุดดำที่เกิดจากสิว พืชผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินแต่ละชนิดก็มีอย่างเช่น

วิตามินเอ พบได้ในผักใบเขียว ผลไม้สีเหลืองหรือสีส้ม และยังพบในตับ และนม นอกจากนี้วิตามินเอยังช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้อีก

วิตามินซี พบได้ในผลไม้ต่างๆ หรือ ผักใบเขียว ผักตระกูลกะหล่ำ และวิตามินซียังช่วยในการสร้างคลอลาเจนอีกด้วย

วิตามินอี พบมากในน้ำมันจากธัญพืช ถั่วประเภทเปลือกแข็ง

2 . แร่ธาตุสังกะสีจากหอยนางรม

อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี ช่วยเสริมความสามารถของระบบภูมิต้านทานภายในร่างกาย เพื่อจัดการกับแบคทีเรียที่เป็นปัญหาของการเกิดสิว, ป้องกันการอุดตันของไขมัน ลดการอักเสบ และการติดเชื้อของสิว อีกทั้งยังซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสีย และสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่  ทำให้แผลจากสิวหายได้เร็วขึ้น อาหารที่สามารถพบธาตุสังกะสี เช่น หอยนางรม ปู ปลา นม ถั่ว  เมล็ดฟักทองและเมล็ดทานตะวัน

3 . โปรตีนจากผักโขม สาหร่ายสไปรูลินา ถั่วเขียว

โปรตีนเป็นสารอาหารอีกประเภทหนึ่งที่จะช่วยสิวหายได้เร็วขึ้น เนื่องจากการรับประทานโปรตีนเข้าไปทำให้ร่างกายไม่รู้สึกอ่อนเพลีย จนต้องสร้างความสดชื่นด้วยการหาของหวานมารับประทาน  เลยได้รับน้ำตาลตัวร้ายมาทำลายผิวเข้าอีก และคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของโปรตีน ก็คือ ช่วยซ่อมแซมและเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์ผิว  จึงทำให้สิวยุบเร็ว แผลจากสิวหายก็หายเร็วขึ้นด้วย โปรตีนดี ๆ ที่จะช่วยรักษาสิวได้ก็คือโปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ผักโขม สาหร่ายสไปรูลินา ถั่วเขียว และกรีกโยเกิร์ต และโปรตีนจากสัตว์อย่างไข่ขาวจากไข่ต้ม สำหรับโปรตีนจากเนื้อนั้นก็กินสลับ ๆ กันไปได้แต่ควรเป็นเนื้อไม่ติดมัน

4 . แร่ธาตุโครเมียมจากธัญพืช และ ซีเรียล

แหล่งอาหารอย่างยีสต์ (Brewer’s yeast) เมล็ดธัญพืช และ ซีเรียล จะพบแร่ธาตุโครเมียม ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เกี่ยวกับการแปรน้ำตาลกลูโคสให้อยู่ในรูปพลังงาน เพื่อรักษาระดับน้ำตาลให้คงเดิม ร่างกายจะดูดซึมโครเมียมได้ดีหากทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซี แต่ถ้ามีโครเมียมในปริมาณที่สูงเกินไป ก็อาจจะรบกวนการดูดซึม สังกะสี (Zinc)ได้ เนื่องจากร่างกายต้องการโครเมียมค่อนข้างน้อยคือ 50 – 200 ไมโครกรัมต่อวันเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องได้รับโครเมียมเพิ่มจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ

5 . ซีลีเนียมจากอาหารทะเล ข้าวกล้อง หอม กระเทียม

ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่ช่วยปกป้องเราจากกัมมันตภาพรังสีและโลหะหนักที่เป็นพิษต่าง เช่น ปรอท เงิน แคดเมียม แทลเลียม (thallium) ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายและสามารถขับถ่ายออกได้เร็วขึ้น และร่วมกับวิตามินอี ในการช่วยรักษาเซลล์ต่างๆและชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ตามธรรมชาติ จึงช่วยชะลอความแก่ และช่วยป้องกันการเกิดสิว อาหารที่มีซีลิเนียมก็มี เช่น เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ ไข่ อาหารทะเล จมูกข้าวสาลี รำข้าว ข้าวกล้อง ซีเรียล และผลิตภัณฑ์นม และยังได้จาก หัวหอม หัวกระเทียม เห็ด บร็อคโคลี มะเขือเทศ

6 . กรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลาแซลมอล ปลาทูน่า

ในอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอล ปลาทูน่า และในน้ำมันวอลนัท น้ำมันคาโนลา จะมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งนอกจากจะเป็นกรดไขมันที่ช่วยการทำงานของสมองและหัวใจแล้ว  ยังช่วยให้เซลล์มีความแข็งแรง ต้านทานการอักเสบได้ดี ช่วยลดอาการอักเสบในระดับเซลล์ จึงมีผลให้การอักเสบของสิวลดลง นอกจากนี้แล้วยังมีส่วนช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยด่างดำจากสิวดูจางลง และยังทำให้ผิวหนังรักษาความชุ่มชื้นได้ดี ผิวจึงไม่แห้งกร้าน การปรุงอาหารที่มีโอเมก้า 3 ควรปรุงด้วยวิธีการต้ม แกงหรือ ยำ เพราะหากได้รับความร้อนสูง โอเมก้า 3 จะถูกทำลาย และเมื่อจะละลายจะยังคงอยู่ในน้ำซุปหรือน้ำแกง

7 . เพิ่มแบคทีเรียดี ๆ ในลำไส้จากนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต

 ลำไส้ของเรามีแบคทีเรียอยู่ตั้งอยู่หลายล้านตัว ซึ่งก็มีทั้งแบคทีเรียที่ดีและไม่ดี แบคทีเรียดี ๆ จะช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ส่วนแบคทีเรียที่ไม่ดี ก็จะปล่อยของเสียเข้าไปสู่ลำไส้ใหญ่ แล้วผลที่ได้ก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวพรรณ  สังเกตจากคนที่มีอาการท้องผูกบ่อยๆ นอกจากผิวพรรณจะขาดความสดใสแล้ว แถมสิวยังเต็มใบหน้าอีกด้วย ซึ่งแบคทีเรียที่ดีจะพบได้จากอาหารอย่างโยเกิร์ต นมเปรี้ยว เพียวโกโก้เป็นต้น

เป็นยังบ้างล่ะ สำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาสิวการเลือกรับประทานอาหารก็มีความสำคัญต่อการเกิดสิว หากอาหารชนิดไหนทานแล้วมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นสิวก็ควรหลีกเลี่ยง และควรเลือกรับประทานอาหารที่ส่งผลดีต่อการ รักษาสิว ช่วยให้สิวหายไวขึ้นถ้ายังไงก็ลองไปหากันมารับประทานดูนะครับ แต่หากอยากให้ได้ผลเร็วทันใจจริงๆ ก็ควรรักษาทางการแพทย์ควบคู่ไปด้วยพร้อมกับการดูแลรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอรับรองสิวหายไวแน่นอน

ฉะนั้นจึงสรุปได้ว่าหากสาวๆไม่อยากมีสิวหัวหนองผุดหรือ สิวหินเกิดจากอะไร ขึ้นมาเต็มบนใบหน้าก็ควรที่จะป้องกันรักษาความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รวมทั้งเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า เพียงเท่านี้สาวๆก็จะมีหน้าเนียนสวยห่างจากสิวอย่างแน่นอนคะ

หากว่าในตอนนี้ใครกำลังเจอกับปัญหาสิวหินหรือสิวเม็ดข้าวสารก็ลองนำวิธีที่เราแนะนำมาในข้างต้นไปปรับเปลี่ยนใช้ดู เพราะทั้งปลอดภัยและสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องไปเสียงเงินเลเซอร์แพงๆและเมื่อทำมาแล้วอาจจะไม่เห็นผล เผลอๆผิวหน้าอาจเกิดการแพ้เลเซอร์จนกลายเป็นปัญหาที่มากกว่าเดิมก็ได้คะ

อ้างอิง : 

• Can dietary changes help acne? : https://www.medicalnewstoday.com/articles/322639

• Anti-Acne Diet : https://www.healthline.com/health/anti-acne-diet

• Syringoma : https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/23321-syringoma

• Causes of syringomas : https://www.healthline.com/health/syringoma

• Facebook
• Twitter
• Line