รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ พร้อมการป้องกันฝ้าแดดและฝ้าเลือด

รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะ “ฝ้า” เป็นปัญหาผิวพรรณที่สามารถแก้ไขและฟื้นฟูได้ยากมากที่สุด เนื่องจากอยู่ในระดับชั้นใต้ผิวหนังนั่นเองโดยเฉพาะปัญหาฝ้าเลือดและฝ้าแดด แต่ถ้าเราทราบสาเหตุและวิธีดูแลที่ถูกต้องก็จะช่วยบรรเทาอาการได้มากขึ้นพอสมควร 

ฝ้าเลือด คือ อาการของผิวหน้าที่เกิดจากเส้นเลือดบนใบหน้ามีลักษณะผิดปกติจนทำให้ไม่สามารถเก็บกักเลือดไว้ได้ จึงทำให้เลือดซึมออกมาบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งฝ้าเลือดนี้เป็นฝ้าชนิดที่คนไทยเป็นมากที่สุด โดยเฉพาะคนที่มีผิวบางและมีอาการแสบผิวง่าย

สาเหตุของฝ้าเลือด ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากปัจจัยภายนอกอย่างเช่นการใช้ครีมหน้าขาวที่ไม่ได้มาตรฐาน การลอกผิวด้วยสารเคมีรุนแรง การรับประทานยาที่มีส่วนประกอบคล้ายฮอร์โมน หรือแม้แต่การทำเลเซอร์แล้วดูแลผิวพรรณไม่ดีเท่าที่ควร ส่วนปัจจัยภายในนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล

รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ – ฝ้าเลือด

1. การ รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ โดยเฉพาะฝ้าเลือดหยุดใช้ครีมที่ทำให้ผิวบางลง ตัวอย่างเช่นครีมหน้าขาวที่ไม่ได้รับอย. ซึ่งมักจะมีส่วนประกอบของสารอันตรายอย่างเช่นไฮโดรควิโนนหรือสารสเตียรอยด์เป็นต้น มีผลทำให้ผิวหน้าบางลงและไวต่อแสงแดด จึงทำให้เกิดฝ้าแดดและกลายเป็นฝ้าฝังสึก ส่วนผู้ที่มีฝ้าเลือดก็จะสังเกตเห็นได้ชัดมากขึ้น
2. รักษาฝ้าแบบธรรมชาติ ทาครีมกันแดดทุกครั้ง ก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอและทาให้ถูกวิธี เนื่องจากฝ้าเลือดจะมีสีเข้มมากขึ้น เมื่อถูกความร้อนหรือแสงแดด แต่พอทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สีของฝ้าจางลงได้
3. ใช้ครีมทาฝ้าที่ปลอดภัย เลือกใช้ครีมทาฝ้าที่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากธรรมชาติ เพราะสรรพคุณที่เป็นทั้งสารบำรุงผิวและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือกลุ่มแคโรทีนอยด์ จะช่วยทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสอย่างปลอดภัย และช่วยปรับสีของฝ้าให้จางลง
4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ มักจะอุดมไปด้วยสารไฟโตนิวเทรียนท์ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีผลทำให้ฝ้าจางลงและบำรุงฟื้นฟูผิวพรรณอีกด้วย
5. รักษาฝ้า กระ จุดด่างดํา รับประทานยาปรับธาตุในร่างกาย โดยเลือกยาฟอกเลือดตำรับยาจีนหรือตำรับยาไทยก็ได้ จะช่วยปรับธาตุในร่างกายให้มีความสมดุลยิ่งขึ้น เพราะยาฟอกเลือดจะขับสารพิษที่คั่งค้างอยู่ในเลือดให้ออกไป รอยฝ้าเลือดก็จะแลดูจางลงนั่นเอง

เมื่อปฏิบัติตามข้อแนะนำแล้วยังมีอาการ “ฝ้าเลือด” ไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาฝ้าในขั้นสูงต่อไป

ฝ้าแดด คือ อาการของผิวหน้าที่เกิดจากรังสี UVA ทำร้ายผิวหน้าจนเกิดรอยหมองคล้ำลึกในชั้นใต้ผิวหนัง โดยเม็ดสีเมลานินหรือเม็ดสีผิวทำงานหนักมากขึ้น เพราะรังสี UVA มีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสี UVB เพื่อทำหน้าที่กรองรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่ตกกระทบลงมา

สาเหตุของฝ้าแดด รังสีอัลตร้าไวโอเลตคือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้าแดดได้ง่าย นอกจากนี้ยังรวมถึงความร้อนจากเตาไฟหรือแสงไฟ เครื่องสำอาง ยาคุมกำเนิด และยังมีปัจจัยภายในที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอีกด้วย

รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ – ฝ้าแดด

1. การ รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ โดยเฉพาะฝ้าแดดให้ทาครีมกันแดดทุกครั้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป โดยทาให้ทั่วผิวหน้าก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 45 นาที และทาซ้ำระหว่างวันอีกครั้ง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ความร้อน แสงไฟจากหลอดนีออนหรือจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้จะปล่อยรังสีอัลตร้าไวโอเลตออกมา มีผลทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้เช่นกัน
2. ใช้ครีมทาฝ้าที่ปราศจากสารเคมี ควรเลือกใช้ครีมทาฝ้าชนิดสารสกัดจากธรรมชาติอย่างเช่นวิตามินซี AHA อาร์บูติน หรือโคจิกแอซิด เป็นต้น รวมถึงสารสกัดอื่น ๆ ที่ช่วยลดฝ้าและกระ เช่น กรดเรตินอยด์และกรดแอเซเลอิค เนื่องจากเป็นกรดที่มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำให้หลุดออก แล้วเผยเซลล์ผิวใหม่ที่ขาวกระจ่างใส จึงทำให้ฝ้าจางลงได้
3. รักษาฝ้าแบบธรรมชาติ พอกหน้าด้วยสมุนไพร ตัวอย่างเช่น หัวไชเท้า ใบบัวบก ว่านหางจระเข้ แครอท และแตงกวา เป็นต้น ซึ่งเป็นสมุนไพรที่ไม่มีอันตรายต่อผิวหน้า แต่สามารถช่วยยับยั้งฝ้าได้ดี โดยทำให้ฝ้าค่อย ๆ จางลง
4. รักษาฝ้า กระ จุดด่างดํา รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สารสำคัญในผักและผลไม้อย่างเช่นวิตามินซีและกากใยอาหาร จะช่วยขับล้างสารพิษและทำให้ระบบขับถ่ายทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฝ้าและกระจึงจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
5. ทำเลเซอร์รักษาฝ้า ควรเลือกใช้วิธีนี้เป็นทางเลือกสุดท้าย หากฝ้าแดดที่เป็นอยู่นั้นฝังลึกในชั้นใต้ผิวหนังมานาน เพราะการทำเลเซอร์จะช่วยเร่งให้ผลัดเซลล์ผิวเก่าและสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมา แต่ควรดูแลผิวอย่างพิถีพิถันตามที่แพทย์ผิวหนังกำหนด เนื่องจากหลังทำเลเซอร์อาจจะทำให้ผิวหน้าบางลงและมีอาการไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งทำให้ฝ้าแดดฝังลึกมากกว่าเดิม

รักษาฝ้าแบบธรรมชาติกับสูตรพอกหน้าด้วยมะนาว

รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ด้วยมะนาว สำหรับความงามบนใบหน้าของสาว ๆ ปัญหาที่ทำให้หนักอกหนักใจมากที่สุดคงจะหลีกหนีไม่พ้นกับ “ฝ้า” อย่างแน่นอน หลายคนสรรหาวิธีรักษาฝ้าหมดสตางค์ไปจำนวนมากก็ไม่หาย แต่ทราบหรือไม่ว่ายังมีสมุนไพรธรรมชาติชนิดหนึ่งที่รักษาฝ้าได้ดี โดยสามารถหาได้ง่ายในตู้เย็นบ้านเรานั่นเอง

สมุนไพรรักษาฝ้าชนิดนั้นก็คือ “มะนาว” ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวพรรณขาวกระจ่างสดใส มีความเต่งตึง ชะลอริ้วรอยที่เกิดจากวัย ทำให้ผิวกระชับมากขึ้น โดยที่เราจะนำมะนาวมาบำรุงผิวหน้าด้วยสูตรต่อไปนี้ 

1 . รักษาฝ้าด้วยมะนาวสด

รักษาฝ้าด้วยมะนาวสด ให้ฝานมะนาวสดออกเป็นแว่น ๆ แล้วนำมาถูให้ทั่วใบหน้า เน้นบริเวณที่มีฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 เดือนขึ้นไป จะเห็นว่าฝ้าค่อย ๆ จางลง ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำให้แสบผิวหน้าบ้าง แต่ผลลัพธ์ที่ได้รับรองว่าคุ้มแน่นอนค่ะ

2 . วิธีการรักษาฝ้าด้วยมะนาวและน้ำผึ้ง

รักษาฝ้าแบบธรรมชาติด้วยมะนาว และน้ำผึ้ง ให้นำน้ำมะนาวคั้นสดปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด เมื่อทำอย่างเป็นประจำจะช่วยให้ผิวหน้ามีความเกลี้ยงเกลา ฝ้า กระ และจุดด่างดำจะค่อย ๆ ลดจางลง — วิธีการรักษาฝ้า

3 . รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ด้วยมะนาวและดินสอพอง

วิธีรักษาฝ้าด้วยมะนาว กับการใช้ดินสอพองจำนวน 5 – 6 เม็ด บดให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำมะนาวคั้นสดเล็กน้อยพอเป็นเนื้อครีมข้น ๆ นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที ล้างออกให้สะอาด จะทำให้ผิวหน้าเปล่งปลั่งกระจ่างใส ไร้ปัญหาฝ้าและกระได้ค่ะ

4 . การรักษาฝ้าด้วยมะนาว โยเกิร์ต และน้ำส้มคั้น

รักษาฝ้า กระ จุดด่างดํา การรักษาฝ้าด้วยมะนาว โยเกิร์ต และน้ำส้มคั้น ให้ผสมน้ำมะนาวคั้นสด โยเกิร์ตรสธรรมชาติ และน้ำส้มคั้นสดในอัตราส่วนเท่า ๆ กัน คนส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเดียวกัน พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกให้สะอาด สูตรนี้มีวิตามินซีจากน้ำมะนาวและน้ำส้ม ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส ทำให้ฝ้าจางลง และมีเอนไซม์จากโยเกิร์ตช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มอีกด้วย

5 . รักษาฝ้าด้วยมะนาว เกลือ และน้ำมันมะกอก

รักษาฝ้าด้วยมะนาว เกลือ และน้ำมันมะกอก ให้นำน้ำมะนาวคั้นสดปริมาณ 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา และเกลือป่น 1/2 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำมาขัดให้ทั่วใบหน้าอย่างเบามือ โดยเน้นบริเวณที่มีปัญหาฝ้า ซึ่งจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกง่ายขึ้น และประโยชน์ของน้ำมันมะกอก มอบความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณ พร้อมกับทำให้ผิวหน้าแลดูขาวกระจ่างใสยิ่งขึ้น

10 สูตร รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ เน้นลดรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ

สูตรพอกหน้า ปัญหาผิวหน้าเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะเรื่องฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งอาจจะมาจากรอยสิวของวัยรุ่น การเผชิญกับแสงแดดเป็นประจำ หรือแม้แต่อายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่เราก็สามารถบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวหน้าด้วยสูตรสมุนไพรจากธรรมชาติดังนี้ — สูตรพอกหน้า

1 ) สูตรพอกหน้าด้วยมะขามเปียก

สูตรพอกหน้า ด้วยมะขามเปียก เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีและกรด AHA จากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอันหมองคล้ำ ลดรอยดำจากฝ้า กระ และจุดด่างดำ รอยแผลจากสิว ลดความมัน พร้อมกับทำความสะอาดรูขุมขนให้เกลี้ยงเกลา

วิธีพอกหน้า นำมะขามเปียกปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ซึ่งสูตรนี้จะมีคุณสมบัติเหมือนกับสูตรมะนาว ดังนั้นควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด

2 ) รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ พอกหน้าด้วยขมิ้น

รักษาฝ้า กระ จุดด่างดํา ผ่านการพอกหน้าด้วยขมิ้นที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์อย่างเช่นวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินอี แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส และเกลือแร่ ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ โรคกลาก โรคเกลื้อน หรือแผลบนผิวหนัง

วิธีทำพอกผิวหน้า นำผงขมิ้นชัน 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำมะนาวคั้นสด 1 ช้อนชา และนมสด 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน พอกหน้าหรือนวดบริเวณที่มีจุดด่างดำอย่างน้อย 15 นาทีขึ้นไป หรือปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็นจัด ๆ เพื่อกระชับรูขุมขน สูตรนี้สามารถทำได้ทุกวันหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

3 ) สูตร น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์

รักษาฝ้าแบบธรรมชาติสูตรน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ในแอปเปิ้ลไซเดอร์จะมีกรดอะซิตริกที่มีคุณสมบัติช่วยฟอกสีผิว จึงทำให้ผิวที่คล้ำเสียแลดูสว่างสดใสยิ่งขึ้น พร้อมกับผิวพรรณอันเรียบเนียน รอยฝ้า กระ และจุดด่างดำจากสิวจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด

วิธีทำ ใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เข้ากันแล้วนำสำลีชุบเช็ดให้ทั่วใบหน้า เน้นตรงรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ พอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 2- 3 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

4 ) สูตรพอกหน้า หัวไชเท้า

สูตรพอกหน้า หัวไชเท้า อุดมไปด้วยวิตามินเอที่มาจากส่วนประกอบของสาร “ไกลโคไซ” จะช่วยลดอาการอักเสบของสิว ทำให้สิวยุบและแห้งไวยิ่งขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยที่มาจากวัย ทำให้ผิวพรรณแข็งแรงแลดูอ่อนเยาว์ พร้อมกับกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ จึงช่วยลดรอยดำจากฝ้า กระ และจุดด่างดำได้เป็นอย่างดี

การพอกหน้า นำหัวไชเท้ามาคั้นน้ำให้ได้ 3 ช้อนโต๊ะ แช่ให้เย็นจัด ๆ ผสมกับดินสอพอง 1 เม็ด และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อครีมข้น ๆ พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด แต่ควรระวังสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือผิวแพ้ง่าย

5 ) รักษาฝ้าด้วยวิธีธรรมชาติ ว่านหางจระเข้พอกหน้า

ว่านหางจระเข้ พอกหน้า เนื้อวุ้นเย็น ๆ มีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบของผิว ลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากการเผาไหม้ของแดด แผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก ขจัดสิว ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงแลดูมีน้ำมีนวล ลดการสร้างเม็ดสีผิว จึงช่วยขจัดรอยดำจากฝ้า กระ และจุดด่างดำได้เป็นอย่างดี

วิธีการพอกหน้า นำเนื้อวุ้นจากกาบใบปริมาณ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ ปั่นให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ทำทุกวันทั้งเช้าและเย็นจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี

6 ) สูตรพอกหน้าจาก มะละกอ

สูตรพอกหน้าดี ๆ จากมะละกอ ผลไม้เนื้อสีส้มแดงอุดมไปด้วยวิตามินซี แคโรทีน และเอนไซม์ปาเปน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ดี ทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มน่าสัมผัส ลดการอักเสบและสมานแผลบนผิวหนัง พร้อมกับลดรอยดำจากสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำ

สูตรพอกหน้ามะละกอ นำเนื้อมะละกอสุกบดปริมาณ 1/3 ลูก ผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 3 ครั้งอย่างต่อเนื่องหลายเดือน

7 ) สูตรพอกหน้าขาวใส มะนาว

สูตรพอกหน้าขาวใส มะนาว อุดมไปด้วยวิตามินซีและกรดซิตริกที่เปรียบเสมือน AHA จากธรรมชาติ สูตรพอกหน้าขาวใส สูตรนี้จึงช่วยฟอกสีผิวให้กระจ่างใสไปพร้อมกับผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ แล้วกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่มีความขาวกระจ่างใส ลดความมันส่วนเกินและกระชับรูขุมขน ทำให้ฝ้า กระ และจุดด่างดำจางลง

สูตรพอกหน้าผิวขาวใส ให้นำน้ำมะนาวคั้นสดปริมาณ 2 ลูก ผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ซึ่งควรพอกหน้าในช่วงเย็นเป็นต้นไปและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ

8 ) สูตรพอกหน้ารักษาสิว ใบบัวบก

สูตรพอกหน้ารักษาสิว ใบบัวบก มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ พร้อมกับสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่มีความแข็งแรงมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณที่หมองคล้ำจากรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำลดจางลง โดยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนและลดเลือนริ้วรอยได้ดี

วิธีรักษารอยสิวเร่งด่วน นำใบบัวบกปริมาณ 1 กำมือ ปั่นกับน้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง แล้วคั้นเอาแต่น้ำใบบัวบกมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที หรือจนกว่าจะแห้ง จึงค่อยล้างออกให้สะอาด ทำสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง หรือทุกวันตามที่ต้องการ

9 ) สูตรพอกหน้าธรรมชาติด้วยใบกะเพรา

สูตรพอกหน้าธรรมชาติ ด้วยใบกะเพรา ในใบกะเพราอุดมไปด้วยวิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัส ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดรอยดำจากฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยแผลเป็นจากสิวได้

วิธีทำพอกหน้าด้วยธรรมชาติ นำใบกะเพราไปจากแห้งแล้วป่นเป็นผงให้ได้ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยให้เข้ากันดี จากนั้นนำสำลีมาชุบน้ำแล้วทาบริเวณที่ต้องการ ปล่อยทิ้งไว้จนแห้งแล้วจึงค่อยล้างออกให้สะอาด ทำทุกวันเช้าและเย็น จะเห็นผิวหน้าที่ดีขึ้น

10 ) สูตรพอกหน้าลดสิว หอมแดง

รักษาฝ้าแบบธรรมชาติ สูตรพอกหน้าลดสิว หอมแดง วิตามินซีและสารกำมะถันในหอมแดงจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำ จึงทำให้ผิวพรรณแลดูสว่างสดใสมากขึ้น พร้อมกับลดการอักเสบของสิว ช่วยรักษาสิวแบบธรรมชาติอย่างปลอดภัย ทำให้ฝ้า กระ และจุดด่างดำจางลงอย่างเห็นได้ชัด

วิธีทำพอกหน้าลดสิว นำหอมแดงมาฝานเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไปแช่เย็น จากนั้นแปะบริเวณผิวที่เป็นสิวหรือฝ้าประมาณ 10 นาที จึงค่อยล้างออกให้สะอาด

สิ่งที่สำคัญของสาว ๆ อยากมีผิวสวยคือ ต้องห้ามขี้เกียจค่ะ เพราะการมีผิวพรรณที่ดีอย่างปลอดภัยต้องอาศัยระยะเวลาและความสม่ำเสมอ จึงจะช่วยให้เรามีผิวสวยผุดผ่องไร้สิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำมากวนใจ เมื่อปฏิบัติตามข้อแนะนำแล้วอาการฝ้าที่เป็นอยู่ยังไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวพร้อมกับรักษาฝ้าในขั้นสูงต่อไป การรักษาฝ้าอย่างถูกวิธีจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยควรเลือกวิธีที่มาจากธรรมชาติ เพราะอาจจะเห็นผลช้าไปบ้างแต่มีความปลอดภัยสูงกว่าสารเคมีอย่างแน่นอนค่ะ

อ้างอิง : 

• Chloasma : https://www.osmosis.org/answers/chloasma

• How to Treat Skin Hyperpigmentation Naturally : https://www.healthline.com/health/home-remedies-for-pigmentation

• 7 Doctor-Approved Ways to Get Rid of Hyperpigmentation : https://www.everydayhealth.com/beauty-pictures/tricks-to-treat-hyperpigmentation.aspx

• 12 Home Remedies to Get Rid of Pigmentation & Dark Spots : https://www.mapsofindia.com/my-india/society/12-home-remedies-to-get-rid-of-pigmentation-dark-spots-naturally

• Facebook
• Twitter
• Line